วันอังคารที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ว่านดอกทอง

ว่านดอกทองตัวเมีย


ว่านดอกทอง  (อีกชนิดนึง )


ว่านดอกทอง
ลักษณะ : ลำต้นและใบเหมือนขมิ้น สีเขียว ลำต้นแดงเรื่อๆ กลางล่องใบจะมีสีแดงเป็นทางยาวจากโคนใบถึงปลายใบ หัวเป็นแง่งๆคล้ายหัวกระชาย ดอกเมื่อเริ่มออกใหม่ๆคล้ายกะจู๋เด็ก ( อวัยวะเพศชาย) สีดอกเหลืองเข้มออกดอกเป็นกระจุก ว่ากันว่ากลิ่นของดอกนั้นคล้ายกับอสุจิมีฤทธิ์กระตุ้นอารมณ์ทางเพศรุนแรงมาก รูปบนคือดอกทองตัวเมีย จริงๆแล้วมีดอกทองตัวผู้อีกปลูกอยู่คู่กัน แต่ตัวผู้หัวฝ่อตายไปเสียก่อน ผู้หญิงไห้เลี้ยงหรือใช้ตัวผู้ ผู้ชายให้เลี้ยงหรือใช้ตัวเมีย อย่างไรก็ไม่ทราบได้เหมือนกัน และก็ยังไม่เคยออกดอกไห้เห็นดอกเหมือนกัน ส่วนสองรูปด้านล่างนั้น เป็นดอกทองอีกชนิดนึง ออกดอกไห้เห็นเป็นระยะๆ ผมก็เก็บดอกนำไปแช่น้ำมันจันทน์ไว้ ยังไม่ได้นำไปทำอะไรเลย 
การปลูก :ใช้ดินปนทราย ซากพืชผุพัง คลุกเคล้ากับขี้วัว ดินต้องระบายน้ำได้ดี ปลูกไห้หัวว่านโผล่ เนื่องจากเป็นว่านมหาเสนห์ไห้ปลูกในวันจันทร์ข้างขึ้น เสกน้ำรดด้วยคาถา "นะโมพุทธายะ" ๓ คาบ ดอกทองตัวผู้ตัวเมีย (รูปบน) จะแห้งเฉาไปเมื่อหมดฤดูฝน และเมื่อเข้าฝนใหม่จะแทงยอดออกมาโดยจะแทงดอกออกก่อน ส่วนอีกชนิดนึง(รูปล่าง)จะไม่เฉาเมื่อหมดฝนและดอกก็ออกไห้เป็นระยะๆ
สรรพคุณ : เป็น "ว่านสุดยอดมหาเสนห์" ประมาณว่า ฟีโรโมล กระตุ้นอารมณ์ทางเพศอะไรประมาณนั้น เนื่องจากกลิ่นของว่านซึ่งจริงๆแล้วอาจไม่รุนแรงเท่าไร แต่สารประกอบของว่านอาจจะคล้ายๆกับสารฟีโรโมลในสัตว์ที่ร่างกายผลิตขึ้นมาเพื่อกระตุ้นหรือดึงดูดเพศตรงข้าม 
ดอกของว่านเมื่อออกดอกท่านไห้เก็บแช่น้ำมันจันทน์ไว้ แล้วนำไปปลุกเสกด้วยกรรมพิธีต่างๆจนออกมาเป็นน้ำมันจันท์หอมมหาเสนห์ หรือเครืองลางมหาเสนห์อะไรประมาณนั้น ร้านค้าขายเคยรู้มาว่าบางทีก็ไช้ประพรมร้านเพื่อไห้ค้าขายดี แม้บางทีเก็บดอกว่านมาวางไว้เฉยๆก็ได้เหมือนกัน นักเลงเจ้าชู้สมัยโบราณจะนิยมมีว่านชนิดนี้ติดตัวไว้เสมอ และเป็นหนึ่งในว่าน ๑o๘ ทีเป็นส่วนประกอบในการปลุกเสกพระเครื่อง มีข้อระวังคือเมื่อออกดอกไห้รีบเก็บดอกออกเสีย อย่าปล่อยไห้บานเพราะฤทธิ์เดชของกลิ่นร้ายกาจนัก 
* มีปลูกอยู่ จำนวนหนึ่ง หากสนใจหรือว่าอยากนำไปทดลองก็ติดต่อมาทางช่องความคิดเห็นนะครับแต่ต้องไช้เวลาเพาะและขยายซักระยะนึง

ว่านพญาว่าน



ว่านพญาว่าน
ลักษณะ : ลำต้นและใบคล้ายกับขมิ้นแต่มีขนาดใหญ่กว่า ลำต้นสีแดงกระดูกใบสีแดง ส่วนยอดของใบแดง หัวและการแตกหน่อมีลักษณะคล้ายกับขิง สีของเนื้อหัวว่านมีสีเหลือง รสขม ดอกสีขาว คล้ายกับดอกกระเจียว แทงช่อดอกออกมากลางลำต้น
การปลูก : ใช้ดินร่วนปนทราย ควรเป็นดินที่สะอาดจากกลางแจ้ง นำมาเผาไฟทุบละเอียดตากน้ำค้างทิ้งไว้ ๑ คืน นำมาคลุกเคล้ากับปุ๋ยอินทรีย์ ซากพืชผุพัง 
การนำหัวว่านลงปลูกต้องไห้หัวว่านโผล่พ้นดิน ไม่ต้องกดดินไห้แน่น การรดน้ำก็รดแต่พอชุ่มๆเช้าหรือเย็น เสกน้ำรดด้วยคาถา "อิติปิโสภควา จนถึง ภควาติ" ๑ จบ ตามโบราณว่าไว้ควรปลูกในเดือน ๖ วันพฤหัสบดีข้างขึ้นจะดีมาก
สรรพคุณ : พญาว่านนั้นมีสรรพคุณทั้ง เสริม กัน และแก้ให้กับบรรดาว่านชนิดอื่นๆ เรียกได้ว่าเป็นนายของว่านทั้งปวงเหมือนกับจ่าว่าน เสริมคือเมื่อมีการปลุงยาว่าน ก็จะใช้พญาว่านนี้เป็นส่วนผสมเพื่อให้ยาว่านนั้นมีสรรพคุณที่สูง กันคือ เมื่อปลูกร่วมกับว่านชนิดอื่นๆ แม้จะอยู่คนละกระถางกัน โดยให้ว่านอื่นๆอยู่รายล้อมว่านพญาว่าน จะทำให้ว่านอื่นๆคงคุณค่า คงสรรพคุณอยู่ไว้ใด้ คล้ายๆกับการปลูกทุเรียนก็จะปลูกต้นทองหลางไว้ด้วยจะทำให้ทุเรียนใด้ผลผลิตดี ส่วนการแก้นั้นก็คือเมื่อโดนว่านพิษเข้าไป หรือ กินว่านพิษเข้าไป ก็ใช้หัวพญาว่านนี้แหละ นำมาฝนกับน้ำซาวข้าวทา หรือโขลกให้ละเอียดคั้นน้ำผสมเหล้าโรงกินอาการก็จะทุเลาลงได้ ผู้จัดทำเคยมีประสบการณ์ คือ น้าชายเข้าสวนแล้วเป็นผื่นคันขึ้นทั้งตัว ไม่รู้ว่าไปโดนสัตว์มีพิษหรือพืชมีพิษเข้า ไปหาหมอคลีนิกมาได้ยาทั้งกินทั้งทาก็ยังไม่หาย ผมเลยทดลองนำหัวมาทุบๆแล้วไห้ลองทาดู แต่ทาแค่ขาข้างเดียวน่ะ เพราะยังไม่เคยกลัวๆกล้าๆ โดยที่ไม่ได้ทำพิธีพลีว่านหรือพิธีกรรมใดๆทั้งสิ้นเพราะไม่รู้เรื่องหรอก น้าชายบอกว่าทาแล้วเย็นๆในตอนแรกสักพักจะรู้สึกอุ่นๆขึ้น แต่เป็นที่ประหลาดคือรอยผื่นแดงที่ขาข้างที่ทาว่านนั้นค่อยๆยุบลงและอาการคันก็ค่อยยังชั่วลงมาก อีกอย่างหนึ่งชวนไห้คิดคือ ในนิทานขุนช้างขุนแผนในบทตอนของนางพิมพิลาไลเคยกล่าวถึงพญาว่านถึงความงามของผิวพรรณเกี่ยวกับการใช้พญาว่านไว้ด้วย และสำหรับท่านที่จะเริ่มเล่นว่านจำต้องมีพญาว่านนี้ติดสวนไว้เสมอ เพราะว่านบางตัวที่มีฤทธุ์เดชร้ายกาจนั้น ยาแผนปัจจุบันไม่สามารถช่วยได้ เช่น ว่านตอด ( คันมหาโหด ) ว่านดอกทอง ว่านโพลง  ฯลฯ ต้องใช้ของโบราณด้วยกันแก้ไข 

วันจันทร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ว่านนางคุ้ม,ว่านผู้เฒ่าเฝ้าบ้าน

ว่านนางคุ้ม,ว่านผู้เฒ่าเฝ้าบ้าน
ลักษณะ : หัวคล้ายหอมหัวใหญ่ ใบกลมโตใหญ่คล้ายใบฟักทอง  ก้านใบยาว ใบหนา กระดูกใบลึกเป็นร่องชัดเจน ดอกเป็นช่อมีหลายดอก ก้านดอกชูช่อสูง ดอกสีขาว กลีบดอกมี ๖ กลีบ เกสรสีเหลือง กลิ่นหอมเย็น
การปลูก : ดินร่วนเผาไฟทุบให้ละเอียด ผสมคลุกเคล้ากับมูลสัตว์ ซากพืชผุพัง หรือซากพืชตระกูลถั่ว การนำหัวลงปลูกต้องให้หัวโผล่พ้นดินระบายน้ำได้ดี ก่อนรดน้ำท่านให้เสกน้ำรดด้วยคาถา " อิติปิโสภควา ถึง ภควาติ " ๗ คาบ เมื่อออกดอกประมาณต้นฝนหรือช่วงเดือนพฤษภาคม ให้รัับขวัญด้วยผ้าขาว ดอกไม้ขาว ธูปเทียน เสกด้วยคาถา" อิติปิโสภควา ถึง ภควาติ " ๗ คาบ
สรรพคุณ : ว่านนางคุ้มเป็นว่านมงคล ปลูกไว้ตามบ้านเรือนใดเหมือนมีผู้เฒ่าคอยเฝ้าบ้านให้ จะนำศิริมงคลความร่มเย็นมาสู่ อีกทั้งยังป้องกันอันตราย ไฟใหม้ ( ผู้จัดทำ เคยสังเกตุเห็นว่าตามร้านค้าขาย เถ้่าแก่ไม่ว่าจะจีนไทยนิยมปลูกไว้ตามหน้าร้าน ) อีกเรื่องคือมักจะปลูกคู่กับ "ว่านกุมารทอง "

วันศุกร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ว่านขันหมาก,ขันหมากเศรษฐี


ว่านขันหมาก                                      ว่านขันหมากเศรษฐี




เปรียบเทียบขนาด ว่านขันหมาก กับ ว่านขันหมากเศรษฐี

ว่านขันหมาก,ขันหมากเศรษฐี
ลักษณะ : มีลักษณะใบคล้ายกับใบจำปาหรือใบจำปี ใบอ่อนทีผลิตออกมาใหม่ๆจะม้วนแหลมแทงขึ้นมา เส้นกระดูกใบใหญ่ชัดเจน สีใบเขียวเข้ม ก้านใบ และลำต้นก็เช่นกัน ลำต้นเหมือนเป็นข้อเกิดจากก้านใบที่หลุดล่วงไป ดอกเป็นปลีสีเหลือง แทงออกมาตามโคนกาบใบ เมื่อดอกแก่จัด จะผลิตผลออกมาที่โคนช่อดอกเรียงรายคล้ายพริกไทยสีเขียว เมื่อแก่จัดจะเป็นสีแดงสดคล้ายเมล็ดกาแฟหรือลูกพิกุล
การปลูก : ว่านขันหมากขยายพันธ์ด้วยหน่อ โดยการขุดแยกหน่อที่แทงยอดอ่อนออกมาปลูก แต่ก็มีบ้างเหมือนกันที่ลำต้นหักแล้วนำมาชำ แล้วมีรากออกมาตามโคนกาบใบ ว่านขันหมาก ต่างจากว่านทั่วไปตรงที่จะไม่เหี่ยวเฉาเมื่อหมดฤดูฝน แต่จะคงเจริญงอกงามได้ตลอดหากดูแลให้ดี ลักษณะว่านค่อนข้างใหญ่จึงควรใช้กระถางทรงใหญ่บางต้นความสูงอาจถึงเมตร( เท่าที่ทราบ ขันหมากเศรษฐีจะมีขนาดเล็กกว่า ) ลักษณะต้นอวบน้ำ อ่อนตัวจึงต้องทำหลักพยุงลำต้นไว้ หรือหากปลูกลงดินควรมีลักษณะเป็นโคก มีหินกรวดขนาดใหญ่ผสมอยู่ด้วย ต้องระบายน้ำได้ดี ไม่ต้องการแสงแดดจัดควรอยู่ตามร่มไม้พอไห้แสงแดดรำไร ดินใช้ดินร่วนปนทรายคลุกเคล้าปุ๋ยอินทรีย์ ซากพืช มูลสัตว์  รดน้ำเช้าหรือเย็น เสกด้วยคาถา "นะโมพุทธายะ" ๓ คาบแล้วจึงรด
สรรพคุณ : ว่านขันหมากเป็นไม้เสี่ยงทายนำโชคหากผู้ใดเลี้ยงไว้จนออกดอก ไห้รับขวัญด้วยผ้าแพรสีสดใสผูกรอบกระถางไว้ ว่านนี้ปลูกไม่ยาก แต่ผลิดอกออกผลยากมาก หากผู้ใดได้รับประทานผลของว่านนี้แล้ว เปรียบเสมือนได้รับประทานยาอายุวัฒนะชลอความแก่เฒ่า ผมไม่หงอก ฟันฟางแข็งแรงไม่หักง่าย ผิวพรรณไม่หย่อนคล้อย มีกำลังวังชา ไห้รับประทานผลสุกโดยการกลืนลงไปทั้งผล วันละผล จนครบ ๗ วัน ๗ ผล ท่องด้วย "นะโมพุทธายะ"๗ คาบก่อนรับประทาน
( ผู้จัดทำ มีปลูกไว้หลายต้น ปลูกไว้หลายปีเคยออกดอกแค่ ๒ หน ติดผลอ่อนได้ไม่เท่าไหร่ก็แห้งเฉาไป สงสัยว่าบุญไม่ถึง หากสนใจนำไปปลูกบ้างก็ติดต่อได้นะครับ )